22 Apr04 เพลิงไหม้โรงงานวินโพรเสส บ้านค่าย ระยอง

เหตุไฟไหม้โกดังวินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เป็นอีกกรณีสะท้อนการทำงานของรัฐที่ปล่อยปละละเลย จนสร้างผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตประชาชน

 เหตุไฟไหม้โกดังวินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เป็นอีกกรณีสะท้อนการทำงานของรัฐที่ปล่อยปละละเลย จนสร้างผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตประชาชน
 


กว่า 10 ปี โรงงานวินโพรเสสถูกร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมาตลอด ภาคประชาชนได้ต่อสู้คดีในชั้นศาลและชนะคดี ผู้แทนระยองเขต 4 ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ก็เคยอภิปรายในสภาฯ แต่แทนที่ปัญหาสารเคมีอันตรายในโรงงานจะได้รับการจัดการอย่างรวดเร็ว ตรงกันข้ามกลับเนิ่นช้า เกิดเหตุที่ไม่ควรเกิดจนได้

หากเรามองเป็นแค่เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานแห่งหนึ่ง เรื่องนี้อาจค่อยๆ เงียบไปในอีกไม่นาน แต่พรรคก้าวไกลอยากชวนประชาชนมองกรณีไฟไหม้วินโพรเสสให้เห็นภาพใหญ่ ตั้งคำถามต่อความรับผิดชอบของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ว่าเหตุใดปล่อยปละละเลยจนความเสียหายเช่นนี้เกิดขึ้น และหลังจากนี้รัฐบาลควรทำอะไรเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าชีวิตพวกเขาจะมีความปลอดภัย

เพราะหากเราไม่เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้ คำถามคือควรเป็นเมื่อไร?

หากปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วจบไป วันนี้เกิดขึ้นที่ระยอง วันหน้าจะเป็นที่ไหน?

.#ก้าวไกล #ไฟไหม้โรงงานระยอง

ที่มา : เพจพรรคก้าวไกล

ปมพิพาท วิน โพรเสส ก่อนเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่

เปิดปมพิพาท โรงงานสารเคมีระยอง กับ ชาวบ้าน

สำหรับปมพิพาทมลพิษปนเปื้อน “บ้านหนองพะวา” หมู่ 4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จากโรงงานบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ ผ่านมานานกว่า 13 ปี นับตั้งแต่ปี 2554 เหตุการณ์ชาวบ้านหนองพะวา จ.ระยอง ต่อต้านและร้องเรียนโรงงานบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ที่ได้ฝังกลบสิ่งปฏิกูลและวัสดุภัณฑ์ไม่ใช้แล้ว ซึ่งสร้างความกังวลถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง

ในปี 2555 ชาวบ้านได้ลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วย จากการจัดตั้งโรงงานของบริษัทฯ กรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงมีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแก่บริษัทฯ

ต่อมาปี 2556 ชาวบ้านร้องเรียนให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เข้าตรวจสอบโรงงานหลังส่งกลิ่นเหม็น ผลการตรวจพบว่ามีการขุดบ่อในการฝังกลบ 3 บ่อ และพบการอัดก้อนกระดาษ คัดแยกขยะต่างๆ แบ่งเก็บน้ำมันเครื่องใช้แล้วและแปรรูปน้ำมันเครื่อง มีอาคารโรงเก็บของ 5 โรง มีการเก็บขยะจำพวกเศษพลาสติก เศษเหล็ก ผงเหล็ก ทินเนอร์เก่า เศษสี และน้ำมันเครื่องใช้แล้ว ทั้งที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน

ขณะเดียวกัน ศูนย์วิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมโรงงานภาคตะวันออก เข้าร่วมตรวจสอบและเก็บตัวอย่างสิ่งแวดล้อมในโรงงาน โดยขุดหลุมบริเวณที่สงสัยว่าจะมีการลักลอบฝังกลบไปแล้ว พบว่ามีไอระเหยจากหลุมส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง รวมทั้งมีการตรวจวัดพบสารอินทรีย์ระเหยทั้งหมด สูงกว่า 60 ส่วนในล้านส่วน

นอกจากนี้ยังได้ตรวจวัดน้ำจากหลุมฝังกลบ พบปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอน (TPH) 37 มิลลิกรัม/ลิตร น้ำมัน และไขมัน 106 มิลลิกรัม/ลิตร จัดเป็นวัตถุอันตรายในลำดับที่ 50 (ของเสียผสมระหว่างน้ำมัน /น้ำ หรือไฮโดรคาร์บอน/น้ำ หรืออยู่ในรูปอิมัลชัน) ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อ วัตถุอันตราย พ.ศ.2538

ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนรวมตัวชุมนุมหน้าบริษัทฯ เรียกร้องให้รับผิดชอบ กระทั่งผู้ว่าราชการจังหวัดระยองมีคำสั่งให้บริษัทฯ ระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และให้ขนย้ายของเสียและวัตถุอันตรายออกจากโรงงานโดยเร็ว

ระหว่างปี 2557-2559 บริษัท วิน โพรเสสฯ ยังมีความพยายามขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน แต่ถูกชาวบ้านคัดค้าน เพราะมองว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินการทำกิจกรรมทั้งที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานและเพิกเฉยต่อคำสั่งของ

แต่ในปี 2560 กรมอุตสาหกรรมออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแก่บริษัทฯ จำนวน 3 ใบ และยังออกใบอนุญาตถือครองวัตถุอันตรายจำพวกน้ำมันใช้แล้วแก่บริษัทฯ อีก 4 ใบ จึงทำให้โรงงานถูกเปลี่ยนสถานะเป็นโรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย

นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา ปัญหาทางสิ่งแวดล้อมที่หนองพะวาเริ่มรุนแรงและขยายวงกว้าง ซึ่งกรมควบคุมมลพิษ ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า น้ำผิวดินรอบโรงงานมีสภาพเป็นกรด พบการปนเปื้อนของสารโลหะหนักในน้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน รวมถึงบ่อบาดาล โดยพบสารทองแดง นิกเกิล แมงกานีส สังกะสี แคดเมียม ตะกั่ว ปรอท เกินเกณฑ์มาตรฐานที่ระบุไว้ในประกาศของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

จนในปี 2564 ชาวบ้านหนองพะวา ยื่นฟ้องบริษัทฯ โดยเรียกร้องให้เยียวยาความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเป็นเงินกว่า 47 ล้านบาท รวมทั้งฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ให้กลับคืนสู่สภาพเดิม

กระทั่งศาลจังหวัดระยองสืบพยานและอ่านคำพิพากษาเมื่อปี 2565 ให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่โจทย์เป็นเงินจำนวน 20 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี และให้ควบคุมไม่ให้เกิดการรั่วไหลของสารเคมี พร้อมทั้งฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในพื้นที่หนองพะวาให้เป็นไปตามมาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษ

จากนั้นช่วงเดือน ต.ค.2566 กรมโรงงานอุตสาหกรรม ลงพื้นที่โรงงานบริษัท วิน โพรเสสฯ ติดตามตรวจสอบการปรับปรุงแก้ไขตามคำสั่งศาล พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลการตรวจสอบพบการรั่วไหลของเสียในพื้นที่โรงงาน ซึ่งเป็นของเสียที่อยู่ระหว่างรอการคัดแยกเพื่อนำไปบำบัดกำจัด และยังพบถังเก็บสารเคมีขนาด 1,000 ลิตร มีกลิ่นเหม็นฉุนสารเคมี ตั้งอยู่นอกอาคารจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังพบของเสียที่โรงงานแห่งนี้ไม่ได้รับอนุญาต เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เข็มฉีดยา เป็นต้น รวมทั้งตรวจพบร่องรอยการคัดแยกตัดโครงเหล็กของถังเก็บสารเคมี โครงสร้างหลังคาและชิ้นส่วนรถบรรทุก

ขณะเดียวกันยังพบปัญหาใหม่คือ การบำบัดน้ำในบ่อดินที่น้ำน่าจะมีสภาพดีขึ้นแล้ว แต่กลับมีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) มีสภาพเป็นกรดเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม จนเป็นของเสียเคมีวัตถุตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ซึ่งจากข้อมูลพยานหลักฐานเบื้องต้น ชี้ได้ว่าเป็นการนำของเหลวเคมีวัตถุที่มีสภาพกรดเข้มข้นที่อยู่ในอาคาร ปล่อยลงรางระบายน้ำไหลสู่บ่อดิน (บ่อที่ 1)

อย่างไรก็ตาม มีการนำของเสียบางส่วนออกไปบำบัดกำจัดตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดระยอง รวมถึงการบำบัดน้ำในบ่อดิน 4 บ่อ โดยยังมีของเสียตามคำพิพากษาในอาคารที่ต้องขนไปบำบัดกำจัดอีกจำนวนมาก

กระทั่ง วันที่ (22 เม.ย.2567) โกดังเก็บกากของเสียอุตสาหกรรมและสารเคมีอันตรายในพื้นที่บริษัท วิน โพรเสส จำกัด เกิดไฟไหม้ มีเสียงระเบิดดังออกมาเป็นระยะและมีกลิ่นเหม็นสารเคมีคละคลุ้ง
และ จนถึงวันนี้ 24 เมษายน 2567 ก็ดับไฟได้เพียง 95% ต้องจับตาต่อว่า ไฟจะปะทุกลับขึ้นมาอีกหรือไม่

ที่มาของข้อมูล

#บก.ข่าวทีวี

ความคืบหน้าเพลิงไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม วินโพรเสส จ.ระยอง สถานการณ์เริ่มคลี่คลายไฟมอดแล้ว แต่ยังพบมีกลุ่มควันบางจุดโกดังที่ 3 กรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงได้นำโซเดียม ไบคาร์บอเนต จำนวน 10 ตัน ใช้แบ็คโฮตักปิดช่องที่ยังพบมีควันไฟอยู่ เพื่อเร่งดับให้มอด

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์เพลิงไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรมวินโพรเสส ม.4 บ้านหนองพะวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย เข้าสู่วัน 7 หลังนายกรัฐมนตรี เดินทางมาติดตามสถานการณ์เมื่อวานนี้ พบว่าเช้านี้ไฟไหม้เริ่มคลี่คลาย โดยเฉพาะบริเวณโกดังที่ 5 รถแบคโฮเร่งเกลี่ยกองสารเคมี ไม่ไฟปะทุ และมีรถดับเพลิงสแตนบายอยู่ตลอดเวลา ส่วนโกดังที่ 3 พบว่ายังมีกลุ่มควันเบาบางออกมาช่องในบางจุดที่มีการเอาดิน และทรายไปถมเกิดช่องมีอากาศเข้าทำให้มีกลุ่มควันเกิดขึ้น และหวั่นไฟปะทุ ซึ่งจากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญของกรมโรงงานอุตสาหกรรม และทีมดับเพลิงพบว่า โซเดียม ไบคาร์บอเนต สามารถดับไฟได้ กรมโรงงานฯ จึงได้สนับสนุนโซเดียม ไบคาร์บอเนต 10 ตัน โดยใช้รถแบ็คโฮเร่งโรยปิดช่องที่มีกลุ่มควันออกมา พบว่ามีประสิทธิภาพสามารถช่วยดับไฟได้ ซึ่งเช้านี้เจ้าหน้าที่ ยังคงเร่งโรยช่องว่างของดินและทรายที่ถมอลูมิเนียมดรอสไว้ เพื่อให้ไฟมอดสนิท

 

ส่วนที่ศูนย์ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่บริเวณศาลาวัดหนองพะวา มีนางชนินันท์ วงศ์ไตรรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดระยอง สมาชิกเหล่ากาชาด และผู้เข้าอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์เครือข่ายความมั่นคงระดับผู้บริหารจังหวัดระยอง รุ่น 1 มอบเงินสนับสนุน 50,000 บาท และเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อใช้ประกอบอาหารสำหรับผู้ปฏิบัติงาน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ โดยมี น.ส.ผ่องพรรณ เจริญรมย์ กำนันตำบลบางบุตร เป็นตัวแทนรับมอบ รวมทั้งกองทัพเรือ ยังได้สนับสนุนรถครัวเคลื่อนที่มาประกอบอาหารปรุงสุกแจกจ่ายเจ้าหน้าที่ และประชาชนด้วย.

 

Home

Visitors: 401,693