สามารถทำได้โดยการตรวจสอบและบำรุงรักษารถโฟล์คลิฟท์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีสภาพพร้อมใช้งานและปลอดภัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น ส่วนของเบรก ยางล้อ ไฟฟ้า และ
เครื่องยนต์ เป็นต้น
รถโฟล์คลิฟท์อย่างถูกต้องและเหมาะสม เช่น การใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ในพื้นที่ที่ไม่มีคนเดินทาง การเชื่อมต่อเครื่องยนต์
กับแบตเตอรี่ให้ถูกต้อง การตรวจสอบการตั้งตัวรถโฟล์คลิฟท์ ให้มีความสมดุล เป็นต้น
สรุป
การปฏิบัติตามขั้นตอนการป้องกันไว้ก่อนและการหลีกเลี่ยงนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และสามารถ
รักษาความปลอดภัยของผู้ใช้รถโฟล์คลิฟท์และผู้อื่นรอบตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความเร็วในการขับขี่รถโฟล์คลิฟท์ควรจะเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและการใช้งาน เพื่อให้เป็นไปอย่างปลอดภัยและ
มีประสิทธิภาพในการทำงาน แนะนำว่า ความเร็วในการขับขี่รถโฟล์คลิฟท์ ควรไม่เกิน 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในพื้นที่
ที่แคบและมีการเคลื่อนย้ายอย่างจำกัด เช่น โรงงาน โกดังสินค้า หรือที่จอดรถ ได้ตามความเหมาะสมและสามารถใช้งาน
รถโฟล์คลิฟท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
อย่างไรก็ตาม ควรระวังความเร็วในการขับขี่รถโฟล์คลิฟท์ ในสภาพที่มีอุปสรรคหรือสิ่งกีดขวาง เช่น สิ่งกีดขวาง
ทางเดินรถ พื้นผิวสกปรก พื้นผิวมัน หรือปล่องไฟ และควรลดความเร็วลงเมื่อเข้าใกล้พื้นที่ที่มีการเคลื่อนย้ายอย่างจำกัด
ควรใช้ความระมัดระวังเสมอเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกๆ สถานการณ์
การขับขี่รถโฟล์คลิฟท์ การวิ่งทั่วไป
ความเร็วที่แนะนำในการขับขี่รถโฟล์คลิฟท์ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการใช้งานเฉพาะตามชนิดของงาน ที่กำลัง
ดำเนินอยู่ แต่โดยทั่วไปแล้วความเร็วที่เหมาะสม ในการขับขี่รถโฟล์คลิฟท์ในการวิ่งทั่วไปจะอยู่ในช่วง 5-10 กิโลเมตรต่อ
ชั่วโมง โดยเน้นให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ขับขี่รถโฟล์คลิฟท์และคนในสิ่งแวดล้อมรอบข้าง
สรุป
การขับขี่รถยกโดยทั่วไปควรปฏิบัติตามกฎจราจรที่เหมาะสมและปลอดภัย เช่น การหยุดรถยกก่อนเข้ามาในที่ที่มี
การเคลื่อนย้ายของคนหรือรถยนต์อยู่ การใช้สัญญาณไฟฉายหรือสัญญาณเสียงเพื่อแจ้งเตือนผู้อื่น การดูแลรักษาระยะ
ห่างในการขับขี่ระหว่างรถโฟล์คลิฟท์กับวัตถุรอบข้าง รวมถึงการตรวจเช็คสภาพของรถโฟล์คลิฟท์เพื่อให้มั่นใจว่า
เครื่องจักรสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยก่อนที่จะเริ่มใช้งาน
การขับขี่รถโฟล์คลิฟท์ บริเวณที่มีคนเดิน
ในบริเวณที่มีคนเดิน ควรลดความเร็วในการขับขี่รถโฟล์คลิฟท์ลงเป็น 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือตามที่กำหนดโดย
กฎหมาย เพื่อความปลอดภัยของคนเดินและคนขับขี่รถโฟล์คลิฟท์ เช่นกัน นอกจากนี้ คนขับขี่รถโฟล์คลิฟท์ ควรสื่อสาร
กับคนเดิน โดยการใช้สัญญาณไฟฉายหรือสัญญาณเสียง เพื่อให้คนเดินทราบถึงการเคลื่อนไหวของรถโฟล์คลิฟท์และ
สามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างถูกต้อง
สรุป
ควรปฏิบัติตามกฎการใช้ถนนอย่างเหมาะสม และต้องมีความระมัดระวังในการขับขี่รถโฟล์คลิฟท์ในพื้นที่ที่มีการเคลื่อน
ย้ายของคนเดินเป็นประจำ เช่น บริเวณทางเข้า-ออกโรงงาน หรือทางเข้า-ออกจากโกดังสินค้า เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจ
เกิดขึ้นได้ในทุกๆ สถานการณ์
ขาดการอบรมการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ที่ถูกต้อง
เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากการขับขี่รถโฟล์คลิฟท์อาจเป็นกิจกรรมที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุและอันตราย ถ้าไม่มีการใช้งาน
ที่ถูกต้อง การอบรมจะช่วยให้ผู้ใช้รู้จักกับความปลอดภัยและเทคนิคการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์อย่างถูกต้อง
การอบรมการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์สามารถทำได้ โดยการเข้ารับการอบรมจากผู้เชี่ยวชาญหรือช่างซ่อมรถโฟล์คลิฟท์ที่
มีความเชี่ยวชาญในการใช้รถโฟล์คลิฟท์ โดยในการอบรมนั้นจะมีการอธิบายเกี่ยวกับการใช้งานและประโยชน์ของรถยก
ตามประเภทและขนาดต่างๆ รวมถึงการฝึกการใช้งานเครื่องมือและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่รถโฟล์คลิฟท์
นอกจากนี้ยังมีการสอนเกี่ยวกับการตรวจเช็คและดูแลรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ อีกด้วย
สรุป
การอบรมการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ที่ถูกต้องจะช่วยให้ผู้ใช้เพิ่มความมั่นใจในการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์และลดความเสี่ยง
ต่ออุบัติเหตุหรือความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมากที่สุด
การสื่อสารระหว่างคนขับและพนักงานที่ทำงานอยู่ในพื้นที่เดียวกันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันอุบัติเหตุและ
การทำงานที่ไม่ปลอดภัย การสื่อสารที่ไม่เพียงพออาจทำให้เกิดความสับสนหรือการเข้าใจผิดพลาดซึ่งอาจเป็นอันตราย
ต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนที่ทำงานในพื้นที่เดียวกัน
การสื่อสารระหว่างคนขับรถโฟล์คลิฟท์และพนักงานสามารถทำได้โดยใช้วิธีการต่างๆ เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือหรือ
วิทยุสื่อสาร การใช้ระบบสื่อสารภายในบริษัทหรือโรงงาน เช่น วิทยุติดตั้งในรถโฟล์คลิฟท์หรืออุปกรณ์สื่อสารที่ติดตั้งอยู่
ในแต่ละจุดที่มีการทำงานของพนักงาน อีกทั้งยังมีการใช้สัญญาณไฟและสัญญาณเสียง เพื่อเตือนคนขับหรือพนักงานใน
บริเวณเดียวกัน เช่น สัญญาณไฟสีแดงสำหรับหยุดรถโฟล์คลิฟท์หรือสัญญาณเสียงเตือนเมื่อรถโฟล์คลิฟท์กำลังถอยหรือ
ถังยกลงจากที่ๆสูงขึ้น
สรุป
การสื่อสารที่ดีระหว่างคนขับรถโฟล์คลิฟท์และพนักงานจะช่วยให้งานทำได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น และทำให้ผู้
ที่ทำงานในบริเวณเดียวกันรู้สึกว่าได้รับการดูแลและเอื้อเฟื้อจากผู้อื่นในทีมงาน
เจอแยกหรือมุมอับ
เมื่อเจอแยกหรือมุมอับ ขณะขับรถโฟล์คลิฟท์ ควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- สังเกตและระมัดระวัง: ก่อนที่จะเข้าสู่แยกหรือมุมอับ คุณควรสังเกตและระมัดระวังสิ่งที่อยู่รอบข้าง รวมถึงความสูง
ของพื้นผิว เช่น ระดับพื้น หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายสำหรับการขับรถโฟล์คลิฟท์
- ลดความเร็ว: คุณควรลดความเร็วของรถโฟล์คลิฟท์ก่อนเข้าสู่แยกหรือมุมอับ โดยเฉพาะเมื่อมุมมีความที่จะอันตราย
- รถโฟล์คลิฟท์จะมีจุดสูงสุดในเรื่องของน้ำหนักที่เป็นไปได้ เมื่อรถโฟล์คลิฟท์กำลังหันหรือสั่นไหวมาก และความเร็วที่
เกินไปอาจทำให้เกิดการควบคุมได้ยากขึ้น
- กำหนดเส้นทางเข้าออก: ก่อนที่จะเข้าสู่แยกหรือมุมอับ คุณควรกำหนดเส้นทางเข้าและออกจากแยกหรือมุมอันตราย
โดยคิดคำนวณความสูงของพื้นผิวในพื้นที่นั้นๆและเลือกเส้นทางที่มีความปลอดภัยสูงสุด
- ใช้ระบบสัญญาณ: ใช้สัญญาณไฟและสัญญาณเสียงเพื่อเตือนคนในบริเวณนั้นว่ารถโฟล์คลิฟท์กำลังเข้าสู่แยกหรือ
มุมอันตราย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก
https://forx.co.th/avoid-accidents-from-the-use-of-forklifts/